สำนักงานเขตหลักสี่ จัดตั้งขึ้นโดยประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2540 สมัยราชกาลที่ 5 โดยแบ่งพื้นที่ออกจาก เขตดอนเมือง จำนวน 2แขวง ประกอบด้วยแขวงทุ่งสองห้อง แขวงตลาดบางเขน มีเนื้อที่ประมาณ 22.841 ตารางกิโลเมตร เขตหลักสี่มีวัดหลักสี่ ซึ่งเป็นพระอารามหลวง เป็นวัดที่สำคัญสร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ คำขวัญประจำเขตหลักสี่ “วัดหลักสี่งามวิจิตร แหล่งผลิตว่าวไทย เลื่องลือไกลหัวโขนงามน่ายลเขตหลักสี่”
ชุมชนทำว่าวไทยหลักสี่
ชุมชนทำว่าว เป็นชื่อเรียกชุมชนแห่งหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการที่ได้มีผู้อยู่อาศัยในชุมชนประกอบอาชีพในการประดิษฐ์ว่าวซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนไทย และเป็นหัตถกรรมพื้นบ้านออกจำหน่ายเผยแพร่ในชุมชน ชุมชนนี้มีลุงกุน บุญนก เป็นผู้นำชุมชนในการประดิษฐ์ว่าวซึ่งอยู่บ้านเลขที่ 304/686 หมู่ 3 การเคหะแห่งชาติบางบัว ซอยพหลโยธิน 49/1 ถนนพหลโยธิน แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม.

ป้ายชุมชนว่าวไทย เขตหลักสี่ กทม.
ผู้นำชุมชนการทำว่าวไทยเขตหลักสี่
ผู้นำชุมชนด้านศิลปะการทำว่าวคือ ลุงกุน บุญนก เกิดเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2468 ที่จังหวัดนครสวรรค์ สมรสกับนางสาวเยือน จีนผ่อง อาชีพแม่บ้าน มีบุตรชาย 2 คน หญิง 6 คน ได้แก่ นางรัชนีกร นายสาโรจน์ นางจงกล นายปัญญา นางสาวอรพินท์ นางกมล นางสาวทองพูน บุญนก




ลุงกุน บุญนก และผลงาน
ลุงกุน บุญนก เป็นผู้เชี่ยวชาญ ด้านการทำว่าวพื้นบ้านทุกชนิดผลงานการสืบสานและสร้างสรรค์มีคุณค่าทางด้านศิลปะการสืบสานภูมิปัญญาที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ได้รับการยอมรับของชุมชนสังคมทั้งในประเทศและต่างประเทศการที่ลุงกุน บุญนก นำความรู้ด้านศิลปะการทำว่าว ที่ตนเองได้ศึกษาค้นคว้า ค้นพบ ทดลองจนประสบความสำเร็จแล้วไปเผยแพร่ สอน ถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้เรียนรู้นำไปปฏิบัติจนประสบความสำเร็จ เป็นประโยชน์โดยรวมแก่สังคมจึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ ให้เป็นครูภูมิปัญญาไทยรุ่นที่ 4 ด้านศิลปกรรมประจำปีพุทธศักราช 2548จากสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ว่าวที่ประดิษฐ์ออกจำหน่ายมีหลายแบบหลายชนิด เช่น ว่าวนกฮูก ว่าวปลาเงินปลาทอง ว่าวผีเสื้อ ว่าวมังกร ว่าวหกเหลี่ยม ว่าวพญาครุฑ ฯลฯ




ตัวอย่างผลงานว่าวไทยหลักสี่
ผู้นำชุมชนการทำว่าวไทยหลักสี่ รุ่นที่ 2
ปัจจุบันผู้สืบทอดกลวิธีการทำว่าวไทยหลักสี่ คือนายสาโรจน์ บุญนก ซึ่งรับสอนการทำว่าวให้กับสถานศึกษาทั่วไป รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาด้านการทำว่าวให้กับศูนย์พัฒนาวิชาการศิลปศึกษา โรงเรียนการเคหะท่าทราย


พี่สาโรจน์ บุญนก ขณะสาธิตการทำว่าวให้กับนักเรียนโรงเรียนการเคหะท่าทราย เขตหลักสี่ กทม.
ติดต่อเพิ่มเติมได้ที่ ลุงกุน 025614212, 081-2503253, 081-3631885
แนะนำงานวิจัย
กฤษณ์ จันทร์ทับ. (2553). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระทัศนศิลป์หน่วยภูมิปัญญา
ท้องถิ่นเรื่องว่าวไทยหลักสี่ ของนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรกกับการจัดการเรียนรู้โดยให้ ผู้เรียนแสวงหาและค้นพบความรู้ด้วยตนเอง. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม.(ศิลปศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. คณะกรรมการควบคุม: ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เลิศศิริร์ บวรกิตติ. ผู้ช่วยศาสตราจารย์จักรพงษ์ แพทย์หลักฟ้า.
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระทัศนศิลป์ หน่วยภูมิปัญญาท้องถิ่น เรื่องว่าวไทยหลักสี่ ของนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรกกับการจัดการเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนแสวงหาและค้นพบความรู้ด้วยตนเอง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนการเคหะท่าทราย เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2552 จำนวน 60 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยวิธีการจับฉลากให้เป็นกลุ่มทดลองที่ 1 และกลุ่มทดลอง ที่ 2 กลุ่มละ 30 คน กลุ่มทดลองที่ 1 ได้รับการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรก กลุ่มทดลองที่ 2 ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนแสวงหาและค้นพบความรู้ด้วยตนเอง โดยผู้วิจัยเป็นผู้ดำเนินการสอนด้วยตนเอง ใช้เวลาในการทดลองกลุ่มละ12 คาบๆ ละ 60 นาที โดยทั้งสองกลุ่มใช้เนื้อหาเดียวกันในการดำเนินการทดลองครั้งนี้ใช้แผนการวิจัยแบบ Randomized Control-Group Pretest Posttest Design
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรก แผนการจัดการเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนแสวงหาและค้นพบความรู้ด้วยตนเอง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนค่าความเชื่อมั่น 0.82 และแบบสำรวจความพึงพอใจต่อการเรียนมีค่าความเชื่อมั่น 0.865 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test ในรูปผลต่างของคะแนน (Difference Score)
ผลการศึกษาพบว่า
1.นักเรียนที่เรียนสาระทัศนศิลป์ หน่วยภูมิปัญญาท้องถิ่น เรื่องว่าวไทยหลักสี่ ของนักเรียนกลุ่มทดลองที่ 1 ด้วยการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรกมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
2.นักเรียนที่เรียนสาระทัศนศิลป์ หน่วยภูมิปัญญาท้องถิ่น เรื่องว่าวไทยหลักสี่ ของนักเรียนกลุ่มทดลองที่ 2 ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนแสวงหาและค้นพบความรู้ด้วยตนเอง มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.นักเรียนที่เรียนสาระทัศนศิลป์ หน่วยภูมิปัญญาท้องถิ่น เรื่องว่าวไทยหลักสี่ ของนักเรียนกลุ่มทดลองที่ 1 ด้วยการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรกมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่ากลุ่มทดลองที่ 2 ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนแสวงหาและค้นพบความรู้ด้วยตนเอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4.นักเรียนที่เรียนสาระทัศนศิลป์ หน่วยภูมิปัญญาท้องถิ่น เรื่องว่าวไทยหลักสี่ ของนักเรียนกลุ่มทดลองที่ 1 ด้วยการจัดการเรียนรู้บูรณาการแบบสอดแทรกมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
5.นักเรียนที่เรียนสาระทัศนศิลป์ หน่วยภูมิปัญญาท้องถิ่น เรื่องว่าวไทยหลักสี่ ของนักเรียนกลุ่มทดลองที่ 2 ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนแสวงหาและค้นพบความรู้ด้วยตนเองมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
บรรยากาศการเรียนรู้ : ว่าวไทยหลักสี่


ผลการเรียนรู้จากการสังเกตเพิ่มเติม และสัมภาษณ์พบว่า นักเรียนมีความสุขในการเรียนรู้สังเกตจากบรรยากาศการเรียนรู้ในชั้นเรียน นักเรียนเกิดปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ในกลุ่มเกิดการเรียนรู้แบบช่วยเหลือในกลุ่มของตัวเอง ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อีกทั้งพบว่านักเรียนเกิดการเชื่อมโยงถ่ายโอนความรู้ นำความรู้ที่ได้รับไปบูรณาการกับวิชาอื่นๆ เช่น วิชาคณิตศาสตร์ ในเรื่องรูปทรงของว่าวชนิดต่างๆ วิชาสังคม ในเรื่องประวัติชุมชนการทำว่าวไทยหลักสี่ เป็นต้น